pearleus

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

เรื่องแสบ ๆ ของฝรั่ง

โพสต์เมื่อ 18 พย. 2013
เรื่องแสบ ๆ เกี่ยวกับผู้หญิงไทยและฝรั่ง โดยมากเรามักจะได้ยินแต่เรื่องฝรั่งถูกกระทำโดยผู้หญิงไทย เพื่อให้ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ เราจึงควรมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงไทยถูกกระทำโดยฝรั่งบ้าง เพื่อผู้หญิงที่คิดจะมุ่งมั่นหาสามีฝรั่งได้ยั้งคิดบ้างนะคะ

เรื่องแรกคือเรื่องของนิดผู้หญิงบาร์ที่ถูกออฟไปโดยฝรั่งคนหนึ่งโดยเขาพาเธอไปที่ห้องในโรงแรมที่เขาพัก เมื่อเปิดประตูเข้า ไปเธอตกใจถึงกับหน้าซีดเพราะมีฝรั่ง อีก หกคนนั่งกันอยู่บนเตียงเรื่องแบบนี้นิดได้ยินเพื่อน ๆ เล่าให้ฟังว่าส่วนใหญ่แขกเลว ๆ แบบนี้มักจะเป็นชาติอาหรับ
สิ่งแรกที่นิดพยายามจะทำคือการหาทางหนี แต่ฝรั่งคนที่ออฟเธอมา ได้จับแขนเธอรวบไว้ข้างหลังและพวกมันก็ผลัดกันข่มขืนเธอ เล็กถูกปล่อยตัวออกมาโดยสภาพสะบักสะบอม มีรอยฟกช้ำดำเขียว เธอกลับไปที่บาร์และเล่าให้มาม่าซังและเจ้าของบาร์ฟัง แต่ทั้งคู่ไม่อนุญาตให้เธอแจ้งความเพราะถือว่าเธอเต็มใจมาทำงาน ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ ถ้าเธอไปแจ้งความ เธอยิ่งเสี่ยงต่อความอับอายที่หนังสือพิมพ์จะตีพิมพ์รูปและชื่อเสียงของเธอและชื่อเสียงของบาร์ ถ้าเธอโชคดี แจ้งความกับร้อยเวรที่สนใจ เอาใจใส่ความทุกข์ร้อนของผู้หญิงบริการอย่างเธอ ก็โชคดีไป ที่เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวฝรั่งเลว ๆ แก้งค์นั้นมาลงโทษ 


แต่ส่วนใหญ่ ผู้หญิงอย่างเล็กก็จะกลายเป็นเครื่องมือให้ตำรวจรีดไถฝรั่งไปโดยปริยาย เพราะเธอเป็นเจ้าทุกข์ แจ้งความ เรียกร้องค่าเสียหาย ส่วนใหญ่ก็จะถูกไกล่เกลี่ยให้ยอมความกัน โดยฝรั่งจ่ายค่าเสียหายให้เจ้าทุกข์คือเธอ แต่คดีข่มขืนเป็นอาญา ตำรวจก็จะขู่ฝรั่งว่าไม่ยอม เจ้าหน้าที่สามารถจับเขาฝากขังไว้ที่โรงพัก รอส่งตัวไปศาล ฝรั่งจะตกใจกลัวมาก ก็จะยอมจ่ายค่าปรับตามที่ตกลงกันได้ งานนี้ก็อาจจะมีทนายความมาเกี่ยวข้องและมีเอี่ยวด้วย เรื่องแบบนี้ก็เคยมีให้ได้ยินบ่อย ๆ ว่าเจ้าของบาร์ หรือผู้หญิงบาร์ ทำงานกับตำรวจเป็นทีม โดยล่อเหยื่อฝรั่งมารีดไถ เรื่องของเล็กเป็นตัวอย่างที่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กมาก!ยกเว้นถ้าผู้เสียหายเป็นสาวรัสเซีย หรือชาติอื่น จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหลายฝ่ายเกี่ยวข้องเช่น
ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองซึ่งมีสิทธิตรวจสอบประวัติผู้หญิง หากเข้าเมืองโดยไม่ถูกกฎหมายก็ต้องส่งตัวกลับหรือจับติดคุก ก็มีการต่อรอง ในขั้นตอนนี้ แต่กลายเป็น ตำรวจ สองหน่วยงานเกี่ยวข้อง แต่ถ้าหากผู้หญิงเป็นคนของมาเฟียต่างชาติหรือพูดง่าย ๆ คือเป็นเด็กมีสังกัด เจ้าของผู้หญิง เหล่านี้ก็จะออกมาเคลียร์ ทั้งกับตำรวจและเคลียร์กับแก้งค์รุมโทรมเหล่านั้น ถ้าเป็นคนชาติเดียวกันก็มีให้เห็นบ่อย ๆ บางทีก็ตกลงกันได้ หากไม่ได้ก็มีการชกต่อยหรือถึงยิงกัน ถ้าเป็นคนละชาติ ก็ยิ่งรุนแรง ตำรวจก็มีเรื่องต้องทำเยอะ

เรื่องแย่ ๆ ที่สองโดยปรกติผู้ชายไทยมีชื่อเสียงที่เล่าลือกันในทางเสียหายมาก ๆ เกี่ยวกับการขายเมียตัวเองหรือให้เมียไปทำงานบาร์ แต่เรื่องที่จะเล่านี้เป็นสามีฝรั่งชื่อ บิลลี่ ผู้ซึ่งอยู่กินกับอ้อยมาหกเดือนซึ่งเป็นหกเดือนแห่งฮันนีมูนก็ว่าได้ เขาซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ เครื่องประดับทอง ทั้งสร้อยแหวน กำไล พาเธอไปทานอาหารร้านหรู ๆ พาไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดที่สวยงามต่าง ๆ ทั้งภูเขา น้ำตก ทะเล

แต่เวลาแห่งความสุขก็หมดลง เมื่อ บิลลี่เริ่มถังแตก เงินที่สะสมมานานปีเพื่อมาเที่ยวเริ่มหมดลง เขาขอร้องให้เธอขายทองที่เขาซื้อให้เธอ ไปทีละชิ้น ๆ จากนั้นก็เริ่มขอให้เธอหยิบยืมเงินจากเพื่อนของเธอ ต่อมาเพื่อน ๆ เริ่มเหม็นหน้าเธอ บางรายทะเลาะกับเธอเพราะทวงหนี้ไม่ได้  อ้อยไม่มีเพื่อนอีกต่อไป บิลลี่ให้เธอไปยืมเงินนอกระบบมาจ่ายค่าเช่าห้อง ค่ามอเตอร์ไซต์ เมื่อไม่มีเงินดอกเบี้ยมาจ่ายคืน เจ้าหนี้ก็ส่งลูกน้องมาทวงหนี้อย่างโหดร้าย อ้อยหนีไปหลบบ้านเพื่อนในขณะที่บิลลี่หนีไปสามอาทิตย์ แล้วกลับมา อ้อยยังไม่หมดรักบิลลี่ ยังเชื่อว่าเขาจะมีทางหาเงินมาแก้ปัญหาได้ บิลลี่จึงขอร้องให้อ้อยกลับไปทำงานบาร์หาเงินมาใช้จ่ายที่เขารอเงินที่ทางบ้านกำลังส่งมาให้ ในแต่ละวันเขาบังคับให้เธอไปกับแขกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ถ้าเธอตุกติกหรือขัดขืน บิลลี่ก็ลงมือลงไม้ จนอ้อยมีรอยช้ำตามตัวไม่เว้นแต่ละวัน ในที่สุดอ้อยก็เป็นอิสระเมื่อบิลลี่ใช้เงินที่เธอหามาให้เขาไปหว่านเหยื่อรายใหม่ ซึ่งมาจากต่างจังหวัดมารับเคราะห์แทน

เรื่องแย่ ๆ ของฝรั่งรายต่อไปที่จะกล่าวถึงคือ จิมมี่ผู้หึงหวงอย่างไม่มีเหตุผลเขามีแฟนชื่อแดง ที่เขาชวนมาอยู่ด้วยที่ห้อง จิมมี่เคยได้ยินเรื่องผู้หญิงไทยที่มีแฟนฝรั่งมักจะแอบมีแฟนคนไทยบางทีตั้งสองสามคน จิมมี่กลัวแดงจะมีแฟนคนไทย เขาจึงขังเธอไว้ในห้องตลอดเวลา ห้ามออกไปไหนคนเดียว ถ้าเขาต้องออกไปข้างนอกคนเดียวเขาจะล่ามเธอไว้กับเตียงด้วยโซ่และใส่กุญแจล็อกอย่างแน่นหนาทุกครั้ง  แต่ในครั้งสุดท้ายแดงก็แอบโทรหาเพื่อน ให้โทรเรียกตำรวจให้มาช่วย แดงจึงไปจากชีวิตของจิมมี่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

เรื่องราวคล้าย ๆ กันเกิดขึ้นกับมีนาสาวสิบแปดผู้ซึ่งติดยาบ้างอมแงม เธอมีแฟนชาวอเมริกันชื่อฟิล ผู้ขี้หึงสะบัดไม่แพ้นายจิมมี่ แต่นายฟิลเลวกว่าเพราะเขาใช้วิธีโทรเรียกตำรวจทุกครั้งที่มีนาหนีออกไปเที่ยวกับเพื่อน 


มีนาต้องโดนรีดไถจากตำรวจและโดนแฟนซ้อมเพราะพิษรักแรงหึง จนกระทั่งเธอสืบทราบโดยบังเอิญว่าฟิลเป็นผู้ต้องหาหนีคดีมาจากประเทศของเขาเธอจึงต่อสายพิเศษกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเรียกฟิลไปสอบแบบพิเศษๆ ในที่สุดฟิลก็ต้องถูกจับส่งตัวข้ามแดนไปรับโทษในบ้านเกิด



สั่งซื้อหนังสือได้ที่นี่ค่ะ

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563

สนุกกี้ ตอนที่ 1 คุณหนูไฮโซ




ฉันเป็นนักอ่านตัวยง ฉันอ่านหนังสือมากมาย สนใจในหนังสือหลาย ๆ ประเภท ทั้งวรรณคดี การเมืองและปรัชญา ฉันคิดว่าความสนใจทางด้านต่าง ๆ ได้พัฒนาขึ้นตั้งแต่คุณแม่ของฉันได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ตอนฉันอายุเพียง  10 ขวบ


คุณพ่อของฉันเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ในจังหวัดเชียงใหม่ท่านไม่เคยมีเวลาว่างเลย มีแต่การเดินทาง การไปอยู่ตามไซต์งาน เข้าประชุม บางทีก็บินไปหาลุงของฉันที่ฮ่องกง ฉันไม่ชอบดูทีวี ฉันจึงหมดเวลาไปกับการอ่านหนังสือหลากหลายประเภท


คุณคงพอจะนึกภาพออกว่าฉันถูกเลี้ยงมาแบบตามใจเพราะพ่อไม่ว่าง มีแต่เงิน ซื้อทุกอย่างที่ฉันต้องการ
เมื่อคุณแม่เสียชีวิต ฉันถูกส่งไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ เพื่อเรียนภาษาอังกฤษ คุณพ่อเป็นคนจีนฉันพูดภาษาจีนกลางได้ดีพอสมควรครูที่โรงเรียนเดิมประทับใจในผลการเรียนของฉันมาก.
ฉันเรียนดีมาตลอด เกรด A ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ พ่อภูมิใจในตัวฉันมาก ต่อมาเมื่อฉันเรียนในปีที่สอง กลางปี พ่อฉันเริ่มมีผู้หญิงคนใหม่ เธอชื่อรุ่ง เป็นคนเชียงใหม่(เหมือนคุณแม่ของฉัน) หน้าตาดีเป็นสาวไฮโซ ฉันกับน้ารุ่งมีปัญหากันนิดหน่อยตั้งแต่เริ่มต้น เพราะฉันเป็นลูกสาวตัวเล็กของพ่อมาตั้งแต่แม่ยังมีชีวิตแล้ว น้ารุ่งเข้ามายุ่มย่าม เจ้ากี้เจ้าการเรื่องเวลาของพ่อฉัน โดยพยายามกำจัดฉันไม่ให้มีโอกาสอยู่กับพ่อมากนัก สถานการณ์แย่ลงอีกเมื่อพ่อและน้ารุ่งแต่งงานกัน ทุกครั้งที่เราอยู่กันพร้อมหน้า สามคน ฉันอึดอัดมาก น้ารุ่งจะเสแสร้งว่าเราไม่มีปัญหากัน แต่เวลาอยู่กันสองคน เธอจะคอยกัดฉันตลอดเวลา เธอจะอดทนรอจนฉันเดินออกไปจากห้องแล้วฟ้องพ่อเกี่ยวกับฉัน ต่อมาน้ารุ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเราด้วย

เมื่อฉันอายุ 18 ปีเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พ่อเอาใจฉันโดยการซื้อคอนโดหรูที่นวนครและรถบีเอ็ม ดับบลิว 323มีคนขับรถ และแม่บ้าน แต่พ่อฉันให้คุณยายมาอยู่เป็นเพื่อนฉันด้วย


วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2563

วิยะดากับมาร์คและวิสูตร สามคนผัวเมีย


วิยะดาเป็นสาวไทยผิวขาวสวยสูงโปร่ง ความสวยระดับนางสงกรานต์ประจำอำเภอ มาจากขอนแก่น เรียนจบมัธยมปีที่สาม เธอแต่งงานกับทหารเรือ และมีลูกสาว 1 คน อยู่ในบ้านพักทหารเรือ สัตหีบ
เมื่ออายุ 28 ปีเธอค้นพบว่าสามีของเธอเจ้าชู้ มีผู้หญิงใหม่ที่สาวกว่าและสวยกว่าเธอ วิยะดาตัดสินใจหนีมาสมัครงานเป็นพนักงานเสริฟที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยาโดยทิ้งลูกไว้ให้สามีดูแล เธอเขียนจดหมายบอกเขาว่าเธอไม่สามารถ มีชีวิตที่ต้องแชร์สามีร่วมกับหญิงอื่นได้
วิยะดาตั้งใจทำงานและขยันขันแข็ง เธออาศัยอยู่ในห้องพักของคนงานในโรงแรมแห่งนั้น เลิกงานแล้วเธอไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมโดยมีความมุ่งหวังว่าจะได้เลื่อนทำงานในตำแหน่งที่ดีขึ้นในโรงแรม
สามเดือนต่อมา วิยะดาพบกับวิสูตร หัวหน้าช่างไฟฟ้าคนใหม่ที่เข้ามาทำงานในโรงแรม วิสูตรเป็นหนุ่มหน้าตาดี อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งสองสนิทสนมกันรวดเร็ว เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีพันธะ

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2563

โสเภณีไทยในสายตาฝรั่ง

โสเภณีไทยในสายตาฝรั่ง

แปลจากบทความภาษาอังกฤษที่เขียนโดย ฝรั่งคนหนึ่ง
โพสต์เมื่อ  24 ก.ย. 2017

โดยมากก็เริ่มการชักจูงจากเพื่อนที่ไว้ใจ แรกเริ่มก็จะไม่บอกว่ามาทำงานขายบริการอาจจะเป็นหญิงเสิร์ฟ เป็นบริกรหรืองานอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง และโดยส่วนใหญ่แรกเริ่มพวกเธอก็จะไม่กล้าไปกับลูกค้า หลังจากที่เริ่มก้าว เข้ามาสู่อาชีพโสเภณี พวกเธอก็เริ่มสนุกกับอาชีพเหล่านี้

เมื่อเอ่ยถึงโสเภณีไทย ส่วนมากฝรั่งที่มีแฟนเป็นผู้หญิงโสเภณีไทยมักจะเข้าใจดีว่า คำว่าโสเภณีหมายถึงผู้หญิงที่มีภูมิหลังดังนี้
1.เป็น ผู้หญิงที่เกิดและโตในภาคอีสานของไทยซึ่งเป็นดินแดนแห่งความยากจน
2. มักจะมีการศึกษาอย่างมากแค่ประถมปีที่หกของโรงเรียนรัฐบาลแต่โดยส่วนใหญ่ก็ จะเรียนไม่จบ
3. ทำงานให้กับครอบครัวซึ่งมีอาชีพทำนา ซึ่งก็จะทำงานในช่วงเวลา สามถึงสี่เดือน หากไม่ทำนาหรือไม่มีนาที่จะทำ ก็จะไปทำงานที่โรงงานโดยที่จะกินค่าแรงเป็นรายวันเฉลี่ยแล้วค่าแรง จะได้เพียงแค่เดือนละร้อยเหรียญหรือประมาณ 4,000 บาทไทย เช่นโรงงานทอผ้า หรือไม่ก็ขายอาหารตามฟุตบาท
4. ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่สนุกสนานเลยไม่ว่าจะเป็นดิสโก้เทคหรือสถาน บันเทิง จนกระทั่งเริ่มมาทำงานเป็นโสเภณี 


การเริ่มต้นการที่ เข้าไปสู่การเป็นโสเภณี
เริ่มโดยการชักจูงจากเพื่อนที่ไว้ใจแรก เริ่มก็จะไม่บอกว่ามาทำงานขายบริการอาจจะเป็นหญิงเสิร์ฟเป็นบริกรหรือ งานอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง และโดยส่วนใหญ่แรกเริ่มพวกเธอก็จะไม่กล้าไปกับลูกค้า หลังจากที่เริ่มก้าว เข้ามาสู่อาชีพโสเภณี พวกเธอก็เริ่มสนุกกับอาชีพเหล่านี้และก็จะไปเที่ยวหลังจากเลิกงาน แล้วบทสนทนาก็มีแต่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเงินที่ลูกค้าส่งมาให้เพื่อเปรียบ เทียบกันว่าใครมีรายได้มากหรือน้อยต่างกันอย่างไร เป็นที่น่าประหลาดมากเลย ผู้หญิงเหล่านี้จะไม่ดื่มแอลกอฮอร์แล้วก็ไม่เสพยาเสพติดด้วย
เธอ มีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน แต่ละเดือน เพื่อ
1. ทุกๆเดือนจะส่งเงินไปให้พ่อแม่ และครอบครัว ซึ่งทางครอบครัวก็มักจะไม่ทราบว่าผู้เหล่านี้ทำงานเป็นสาวบริการจนเริ่ม มาทราบก็ต่อเมื่อเธอเริ่มพาฝรั่งกลับบ้าน
2. เธอเหล่านี้จะไม่มีความมั่นใจที่จะออกไปทำงานอย่างอื่นเพราะว่าไม่มีความ มั่นใจในการพัฒนาทักษะด้านใดทั้งสิ้น
3. มีวิสัยทัศน์แคบมองเห็นชีวิตแค่รอบข้างมีความสนุกสนานกับเพื่อนจะคบกับ เพื่อนที่ทำงานบาร์ด้วยกันทานอาหารกับเพื่อน แล้วก็ตื่นนอนสาย
4. มีทักษะในการเอ็นเตอร์เทนหรือการเอาอกเอาใจกับลูกค้าที่เป็นฝรั่งผู้ชายเท่า นั้น

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2563

บทความภาษาไทยทั้งหมด

จากใจผู้เขียน
การเขียนข่าว
"แถลงข่าว"-"ทำแผนฯ" กับสิทธิผู้ต้องหา : อาชญากรรมที่รัฐเป็นคนก่อ
ข่าวในเมืองพัทยาคือ"ข่าวแจก" จริงไหม
การเขียนบทความ
การเขียนบทบรรณาธิการง่ายกว่าที่คิด
ข้อควรปฏิบัติในการเขียนบทบรรณาธิการ
ขั้นตอนการเขียนสารคดี
บันไดขั้นแรกสู่การเป็นนักเขียนมืออาชีพ 
มารู้จักบทบรรณาธิการให้เพิ่มขึ้นกันดีกว่า

บทความดีๆ (แปลแล้ว)
21 Rules For a Good Old Age

เรื่องของคนพัทยา
โสเภณีไทยในสายตาฝรั่ง
เมืองไทยสวรรค์อาชญากรข้ามชาติ
อาชีพนักสืบฝรั่งทำงานกันยังไง
สนุกกี้ ตอนที่ 1 คุณหนูไฮโซ
สนุกกี้ ตอนที่ 2 มาม่าซัง
สาวลูกครึ่ง รีเซฟชั่นโรงแรมดับปริศนา เปลือยท่อนล่าง
วิภาผู้ใช้ชีวิตอย่างประมาท
วิยะดากับมาร์คและวิสูตร สามคนผัวเมีย
เล็กผู้เป็นเพียงเครื่องเล่นทางเพศของฝรั่ง


ทำไมฝรั่งถึงชอบมาอยู่พัทยา
ยิวยึดประเทศไทยแน่ หลังบุกยึดแหล่งท่องเทียวหลัก
อายัดทรัพย์เครือข่ายอาชญากรข้­ามชาติ ชาวเนเธอร์แลนด์
พอล ไครน์ ฆาตกรโหดซุกซ่อนตัวในพัทยา ถูกรวบติดคุก 32 ปี !!
เรื่องแสบ ๆ ของฝรั่ง
เปิดโปง!! สินบน 12.7 ล้านบาทคดี”ตุ๋ยเด็ก” ในเมืองพัทยา
อึ้ง แฉเบื้องหลังอังกฤษ"ยกเลิก"เบี้ยบำนาญ""ชาวต่างชาติอาศัยนอกปท.      สาเหตุมาจาก"หญิงไทยเต็มๆ

ความจริงที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึง เขียนถึง เกี่ยวกับพัทยา
ผ่าแผนพัฒนา 10 ปี “พัทยา”
วิกฤติพัทยา ในสายตาฝรั่ง
เปิดแผนพัฒนาเมืองพัทยา ศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน
ใครช่วย “กำนันเป๊าะ” ให้ที่พัก-หลบเข้าไทย
พัทยาไม่มีวันตาย นักลงทุนไม่มีวันเจ๊ง จริงไหม
ปัญหาสังคมในเด็กเมืองพัทยา
หลากหลายความคิดเห็น จากเว็บบอร์ดคนพัทยา



เครียดมากหาทางออกไม่ได้ อ่านเลย
เมื่อธรรมดามาถึง รู้ให้ทันและทำให้ถูก
สุขอยู่ที่ใจ
กำลังมองหาทางออกใช่ไหม
ประตูสู่ชีวิต
20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 45
นิทานเรื่องนี้ดีนะ...ขอมอบให้คนที่ยังติดยึด
มหาขันทีโลกสวย
คำคม ๆ

อ่านขำ ๆ
ร้านเซเว่นใช้ n ตัวเล็ก ตั้งแต่ปี 1960 ไม่ใช่เพื่อให้เกิดความอ่อนช้อย
อมยิ้มคลายเครียด
ขำขันขวนคิด "เสย เสย ไว้ อย่าเอ็ดไป"

อื่น ๆ
สาวสองพันปี & นักธุรกิจร้อยล้าน  นวลปรางค์ ตรีชิต   ความสุขไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินเงินทอง 
หมอดูตาบอดชื่อดังของโลก ทำนายหายนะที่จะเกิดกับโลกปี 2016 และในอนาคต
สรุปขั้นตอนที่แฮ็กเกอร์...ขโมยเงินจากบัญชีคนอื่น
ตีแผ่เบื้องหลัง "แฮ็กตู้เอทีเอ็ม" กรณีศึกษา 12 ล้านธนาคารออมสิน
10อันดับเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี2025พระนาง แอนด์ โบลีน



ประเด็นร้อนๆ
สิทธ์บัตรทอง 30 บาทมีแนวโน้มจะยกเลิกไหม สงสารคนที่ไม่มีเงินรักษา
วัยรุ่นไทยมีสติ อย่ายึดติดเน็ตไอดอล
จรรยาบรรณสื่อสารมวลชนสากล  23 ข้อ ประกอบด้วย

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Parasite

ชีวิตเส็งเคร็งของคิมกีวู (ชเว วู-ชิก) เหมือนส้มหล่นเมื่อเขาได้เข้าไปสวมบทติวเตอร์ให้บ้านมหาเศรษฐีตระกูลปาร์คแทนเพื่อนที่ไปเรียนเมืองนอก ด้วยเห็นช่องทาง เกาะหากินเขาจึงเริ่มแผนการพาครอบครัวตัวเองเข้ามาอาศัยครอบครัวมีอันจะกินเป็นแหล่งทำเงินเพื่อหวังหลุดจากชีวิตอันแสนแร้นแค้น เริ่มจากให้ คิมคิ-จอง (พัคโซดัม) น้องสาวเข้ามาสวมบทครูศิลปะให้ลูกชายคนเล็ก ให้ คิมกีแท็ก (ซงคังโฮ) พ่อของเขามาเป็นโชเฟอร์ให้คุณผู้ชาย และคิมชุงซุค (จัง ฮเยจิน) คนแม่เข้ามาเป็นแม่บ้าน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือความลับบางอย่างที่ มุนกวัง (อี จอง-อึน) แม่บ้านคนเก่าแอบซ่อนไว้ที่กลายเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่อาจพลิกชะตาครอบครัวกำมะลอไปตลอดกาล

เรียกได้ว่าแค่พะยี่ห้อหนังรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ก็ทำให้ Parasite กลายเป็นหนังที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงอยู่แล้ว แต่ในเหรียญอีกด้านของการสื่อสารไปยังกลุ่มคนดูวงกว้างเองตัวหนังก็เหมือนถูกสาปด้วยรางวัลเหมือนกัน เพราะจากภาพจำของคนดูบ้านๆร้านตลาดอาจตั้งกำแพงแล้วว่าหนังจะต้องดูยาก คิดเยอะ คิดหัวแทบแตก หรือจะสื่อสารกับกลุ่มคนดูซีรีส์เกาหลีเอง นี่ก็ดันไม่ใช่หนังที่มีฉากหวานๆหรือคู่ชวนจิ้นเหมือนดั่งซีรีส์บันเทิงที่พวกเขาเสพอยู่ประจำเสียด้วย เอาล่ะ ท่ามกลางความไฮป์ที่เพจหนังหลายๆเพจพยายามกรอกหูเราว่าอย่าพลาด! อย่าพลาด! เราลองมาดูดีกว่าว่าถ้าคิดกำเงิน สองร้อยกว่าบาท ไปเสียตังค์ดูหนังเรื่องนี้เราจะได้อะไรบ้าง

หากการได้ร่วมทานข้าวและหัวเราะกับครอบครัวที่แม้ไม่ได้หรูหราแต่กลับสุขใจคือประสบการณ์ชีวิตที่นึกถึงทีไรก็สุขใจ ครอบครัวคิมที่ต้องแออัดในบ้านใต้ดินแต่กลับมีกันและกันก็จะทำให้คุณนึกถึงและได้ดื่มด่ำกับความสุขที่พวกเขาพร้อมหยิบยื่นให้กันและกัน ตลอดช่วงปูเรื่องของหนังแม้งานภาพที่ อเล็กซ์ ฮง ตากล้องคู่บุญของผู้กำกับ บงจุนโฮ จะจับภาพในบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ในระดับต่ำกว่าท้องถนนด้วยรายละเอียดที่เห็นทั้งคราบเชื้อราและผนังอันสกปรกแบบคนคุณภาพชีวิตต่ำ แต่เรากลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความห่วงใยกันและกัน ในทุกห้วงเวลาทั้งการพยายามหาสัญญาณไวไฟฟรี, ขับไล่คนเมาที่มาฉี่ใส่หน้าบ้าน หรือกระทั่งตอนพวกเขารับจ้างพับกล่องพิซซ่าท่ามกลางควันจากเครื่องพ่นยากำจัดแมลง เราก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาพยายามประคับประคองให้กำลังใจและดูแลกันอย่างดี บวกกับบทสนทนาที่เขียนได้เป็นธรรมชาติและได้รับการถ่ายทอดจากทีมนักแสดงฝีมือฉกาจก็พร้อมจะให้เราคล้อยตามกับแผนการร้าย ที่แม้จะเป็นสิ่งผิดแต่เรากลับเข้าใจได้ว่ามันจำเป็นต้องทำ เพื่อถีบตัวเองออกจากชีวิตพลเมืองชั้นเลวจนอดเอาใจช่วยและลุ้นไปกับชะตากรรมของพวกเขาไม่ได้

ประเด็นนี้ดูจะสุ่มเสี่ยงกับการ สปอยล์ที่สุด แต่สิ่งที่พอจะบอกได้คงต้องย้อนไปที่ชื่อเรื่องภาษาไทยอย่าง ชนชั้นปรสิตที่ทั้งบอกใบ้และให้ใจความของเรื่องได้ดีที่สุด ณ.จุดนี้หนังทำงานกับคนดูตั้งแต่บทที่กระมิดกระเมี้ยนในการคายข้อมูลแต่ละอย่างออกมาอย่างระมัดระวังไม่ต่างจากหนังทริลเลอร์สไตล์ผู้กำกับ อัลเฟรด ฮิตช์คอก อย่างข้อมูลตัวละครนำทั้งฝั่งครอบครัวคิมอันแร้นแค้นที่ค่อยๆคายข้อมูลตัวละครออกมาคู่ขนานไปกับแผนแปลงเป็น กาฝากครอบครัวปาร์ค และในทางกลับกันทัศนคติของครอบครัวคนรวยอย่างครอบครัวปาร์คก็เป็นเหมือนบทเปรียบเทียบชะตากรรมของชนชั้นปกครองกับชนชั้นที่ขอสถาปนาคำว่า ขออาศัยเขาอยู่ซึ่งหนังก็เล่นเอาล่อเอาเถิดตั้งแต่การทดสอบก่อนเข้างานไปจนถึงสร้างสถานการณ์ชวนระทึกอย่างฉาก ขอเป็นคนรวยสักวันที่หนังวางหมากพลิกผันสถานการณ์จนเดาอะไรไม่ถูกไปพร้อมๆกับการวิพากษ์ความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างคมคายไม่ยีดเยียดและที่สำคัญดูไปอาจเกิดอาการหน้าชาเหมือนถูกลากไปตบกลางสี่แยก เมื่อพบว่าไปๆมาๆเราก็อาจอยู่ในสถานะ ขอเขาอยู่ในประเทศนี้ไม่ต่างกันเลย


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าภายใต้หน้าหนังที่ดูเหมือนเล่าเรื่องชีวิตคนทั่วไปไม่ได้มีสเปเชียลเอฟเฟกต์หรือฉากที่ดูตระการตาแต่ Parasite ทุ่มงบประมาณถึง 13ล้าน5แสนวอน หรือราวๆ 11 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อเลยว่าส่วนหนึ่งคือการทุ่มงบประมาณไปกับงานสร้างแน่ๆ เพราะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าตัวบ้านในหนังแทบจะเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งได้เลย ในบ้านของครอบครัวคิม ถูกออกแบบให้หน้าต่างมองออกไปเห็นพื้นถนนพอดี ซึ่งแน่นอนว่ามันแทบจะสถาปนาชีวิตอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้แทบไม่ต้องใช้คำพูดใดๆอยู่แล้ว แต่ภายในบ้านกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ดูใส่ใจมากทั้งคราบเชื้อรา คราบสกปรกบนผนัง การออกแบบให้วางชักโครกอยู่บนฐานสูงๆดูประหลาดเพื่อบ่งบอกว่าครอบครัวนี้แทบจะใช้ชีวิตอยู่ในระดับเดียวกับกองอาจมที่พวกเขาขับถ่าย รวมไปถึงทางเดินกลางบ้านอันแสบแคบที่แม้จะดูอึดอัดแต่เรากลับรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดและเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือกันและกัน

ในทางตรงกันข้าม- ครอบครัวปาร์ค ที่เราจะเห็นบ้านที่ถูกออกแบบให้ดูหรูหรา ตกแต่งด้วยของสวยๆงามๆ (ผิดกับบ้านคิมที่มักโยนของเป็นกองพะเนิน) และหนังมักเน้นบันไดที่เราแทบไม่ได้เห็นในบ้านครอบครัวคิม เพื่อแสดงถึงการก้าวไปอยู่ในฐานะสูงกว่าเสมอ และแน่นอนไฮไลต์เด็ดของเรื่องคือการที่บ้านหรูมีหน้าต่างกระจกบานยักษ์ไว้ดูฝนตกที่สวนอันงดงาม ช่างแตกต่างจากวิวถนนอันโสโครกและมีแต่คนเมาจ้องจะฉี่ใส่บ้านของพวกเขาอย่างลิบลับทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้งานสร้างได้สร้างความหมายให้เรื่องราวได้อย่างลึกซึ้งมากเลยทีเดียว

ก่อนเราจะพูดถึงรุ่นใหญ่อย่าง ซงคังโฮ เชื่อว่าคนดูทั่วไปหากได้ดูตัวอย่างน่าจะสะดุดตากับเหล่านักแสดงหน้าตาดีกันบ้าง เริ่มจาก ชเว วู-ชิก อดีตนักแสดงสังกัดเจวายพี (JYP Entertainment)ที่เคยผ่านตาเราทั้งบทแฟนหนุ่มของสาวโซฮีวง Wonder Girls ใน Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง อันโด่งดังรวมถึงเคยร่วมงานกับ บงจุนโฮ ใน Okja มาก่อนหน้านี้ ซึ่งหนุ่ม วู-ชิก ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากจะโชว์เสน่ห์ด้วยหน้าหล่อๆแบบโอปป้าแล้ว ฝีมือการแสดงในหนังยังเรียกร้องเขามากกว่าแค่ความหล่อ เพราะต้องแบกทั้งภาระในการพาครอบครัวมาสู่สิ่งที่ดีกว่าไปจนถึงความผิดบาปที่ค่อยๆทวีขึ้นเรื่อยๆจนเราอดเอาใจช่วยและสะเทือนใจกับชะตากรรมของ คิมกีวู ที่เขาแสดงไม่ได้ และสำหรับหนุ่มๆคงไม่อาจละสายตาจากสองสาวสวยน่ารักได้แน่ๆ ทั้ง พัคโซดัม และ ฮยอนซึงมิน โดยเริ่มที่ พัคโซดัม ในบทคิมคีจอง น้องสาวตัวแสบของกีวูที่ใช้เล่ห์กลและความมั่นใจค่อยๆหลอกเกาะกินครอบครัวปาร์คได้อย่างชาญฉลาด  ซึ่ง พัคโซดัม ที่โด่งดังจากซีรีส์ Cinderella with four knights หรือ ปิ๊งรักยัยซินเดอเรลล่า ก็ใช้ความเก๋ของหน้าตาและบุคลิกเท่ๆมาทำให้หนุ่มๆ (และอาจจะสาวๆด้วย) ละลายได้ไม่ยากเลย

ส่วน ฮยอนซึงมิน ในบท ปาร์ค ดา-ฮเย ลูกสาวคนโตของบ้านปาร์คที่ชอบอ่อยเบอร์แรงแถมยังขยันหยอดจนติวเตอร์หนุ่มอย่าง วู-ชิก เคลิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งฮยอนซึงมิน อดีตนักสเก็ตน้ำแข็งที่มาโด่งดังกับซีรีส์ W ก็ขยันทำหน้าออดอ้อนจนเราเข้าใจเลยว่า ทำไมไอ้หนุ่ม คิมวู-ชิก มันถึงเก็บไปวาดวิมานกลางอากาศได้เบอร์นั้น 555  ขยับไปที่รุ่นกลางอย่าง อีซอนกยุน ในบทคุณปาร์ค ก็พาหน้าหล่อๆมาดเท่ๆสไตล์ CEO บริษัทแก็ตเจ็ตไฮเทค มาวางท่านายใหญ่เจ้าชีวิตได้อย่างน่าเกรงขาม และอดีตพระรองของ รักวุ่นวายของเจ้าชายกาแฟ หรือ Coffee Prince ซีรีส์สุดฮิตที่เคยขโมยหัวใจสาวๆมาแล้ว ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแถมตัวละครของเขายังเล่นบทบาทสำคัญในตอนท้ายแบบช็อกซีนีม่าเลยทีเดียว และขอปิดท้ายที่ โจยอจอง ในบท ปาร์คยอนคโย ภรรยาสาวสวยสติแตกที่ดันเชื่อคนง่ายเหลือเกิน ซึ่งการได้ โจยอจอง เซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ของเกาหลีมารับบทนี้ยิ่งทำให้ภาพตัวละครเมียคนรวยที่ดูดีแต่ไม่ปกติดูเสน่ห์ชวนหลงใหลเอามากๆ ที่สำคัญฉากแฟนเซอร์วิสเรื่องนี้รับรองหนุ่มๆจ้องกันตาเป็นมันแน่ๆ 555

สำหรับนักแสดงฉายา Awards Prince อย่างซงคังโฮ ดาราคู่บุญผู้กำกับ บงจุนโฮ ที่อาจไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาแบบโอปป้า แต่เชื่อเลยว่าคุณจะห้ามใจไม่ให้หลงรักเขาได้ยากเหลือเกิน ซงคังโฮ ได้ทำให้บท คิมกีแท็ก กลายเป็นคุณพ่อ 18 มงกุฏที่ดูอบอุ่น จริงใจ และเราเชื่อได้เลยว่าคนอย่างเขาจะปกป้องครอบครัวเสมอและมีหลายฉากหลายตอนเหลือเกินที่เขาทำเราจุกอก ตั้งแต่ฉากพับกล่องพิซซ่าท่ามกลางควันไล่แมลง ฉากทานข้าวครอบครัวที่เขาเรียกสมาชิกให้ชนแก้วเพื่อขอบคุณเรื่องดีๆในชีวิตแม้กับข้าวจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม ไปจนถึงฉาก เจ้านายเหม็นกลิ่นคนจนที่เชื่อได้เลยว่ายากมากที่เราจะไม่รู้สึกตามทั้งสายตาและร่างกายที่สื่อสารแบบไร้คำพูดแต่กลับส่งผลกระทบต่อคนดูแบบมหาศาลคือเครื่องการันตีเลยว่าทำไมเสียงชื่นชมส่วนใหญ่ถึงเทให้ ซงคังโฮ อย่างไร้ข้อกังขา


หนังของ บงจุนโฮ ผู้กำกับที่ฉลาดเล่นกับแนวหนังที่สุดคนหนึ่งในเกาหลี มักเล่นกับความคาดหวังของผู้ชมต่อหนังประเภทต่างๆเสมอทั้งแนวสืบสวนอย่าง Memories of Murder(2003) และ Mother (2009) หรือหนังแฟนตาซีอย่าง The Host (2006) Snowpiercer (2014) หรือ Okja(2017) โดยจุดร่วมที่แฟนหนังของเขาทราบดีคือกลวิธีเล่าเรื่องอันซับซ้อนเดาทางไม่ถูก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าหนังจะดูยาก ชวนปวดหัวนะครับ ตรงกันข้ามหนังของเขามักเล่าด้วยอารมณ์ขัน แต่สอดแทรกฉากสุดระทึกและที่สำคัญคือประเด็นความเหลื่อมล้ำในสังคมลงไปเสมอ และกับ Parasite ที่ตั้งแต่ชื่อเรื่องยันภารกิจหลักของตัวละครในครอบครัวคิมคือการเข้าไปเป็น ปรสิต ในบ้านคนรวยก็เอื้อเหลือเกินให้หนังสามารถพูดเรื่องชนชั้นได้แบบตรงๆโต้งๆ แต่หาไม่ Parasite กลับเต็มไปด้วยการกำกับอารมณ์ จังหวะ ที่แม่นยำ ตั้งแต่การเป็นหนังต้มตุ๋นโชว์เท่ในช่วงแรกก่อนจะขยับไปสู่ความเป็นทริลเลอร์ผสมสยองขวัญได้อย่างหน้าตาเฉย ดังนั้นคนดูจึงเหมือนถูกมัดติดกับเก้าอี้บนรถไฟเหาะที่เราทำได้เพียงแค่ติดตามชีวิตพลิกผันของตัวละครไปจนสุดราง และรับความสนุกปนหน้าชาจากหนังให้เต็มที่เท่านั้นเอง

เป็นยังไงกันบ้างกับเหตุผล 6 ข้อที่เรายกมารีวิวให้เห็นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า Parasite คือหนังที่เพียบพร้อมทั้งความบันเทิง,คุณภาพ และคุณค่าในตัวมันเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังจะได้รับการต้อนรับจากคอหนังชาวไทย เพราะหากพลาดไปเราเสียดายแทนจริงๆ

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2563

10 ไอเดียสร้างเป้าหมายในปี 2020 ให้ทุกคนได้นำไปลองปรับใช้ดู





1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

     บ่อยครั้งที่เราไปไม่ถึงเป้าหมายได้นั้น แม้ต่อให้มีเวลาลงมือทำ และตั้งใจมากก็ตาม หนึ่งในสาเหตุใหญ่นั้นก็คือ แต่เป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ชัดเจน และไม่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ

     จากการวิจัยเผยว่า หลังปีใหม่แค่ 6 สัปดาห์เท่านั้น คนกว่า 80 % ล้มเลิกหรือไม่ก็ลืมเป้าหมายไปเลย Marti Hope Gonzales รศ.ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมินนิโซตา ยังเสริมว่า การหาสมุดสักเล่มมาบันทึกเพื่อวางแผนว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ เป็นส่วนช่วยให้เป้าหมายนั้นสำเร็จได้


2.   สร้าง Connection ใหม่ 

     “บางครั้ง การพูดคุยกับคนแปลกหน้าทำให้ฉันรู้สึกสบายใจกว่าคู่ชีวิตซะอีก” ครั้งหนึ่ง Kio Stark นักเขียนสาวเคยเล่าเรื่องราวใน TED Talk ที่ชื่อว่า "Why you should talk to strangers" ว่าทำไมทุกคนควรรู้จักคนแปลกหน้าให้มากขึ้น เพราะการสร้างมนุษยสัมพันธ์คือส่วนหนึ่งที่ช่วยให้มี “ความกล้า” ที่จะลองออกไปพบผู้อื่นเพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย

     มากไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ Aspen Ideas Festival ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันมีคนเหงาเยอะขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกาย แม้จะมีเพื่อนมากมายก็ตาม เพราะในบางครั้งการมีเรื่องทุกข์ใจแต่กลับไม่สามารถเล่าให้คนสนิทฟังได้ จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมทุกคนควรสร้าง Connection ใหม่ ๆ เพราะในบางครั้งคนแปลกหน้าที่เราไม่สนิทก็เปิดรับฟังเรื่องราวของเรามากกว่าคนที่สนิท นอกจากนี้เรายังจะได้เรียนรู้มุมมอง และประสบการณ์จากคนในสังคมที่ต่างออกไปอีกด้วย

หรือรับชมได้ที่: https://goo.gl/QEiuVu


3. พัฒนาภาษาที่ 2 

     ในยุคนี้การพูดได้ 2 ภาษาถือว่าน้อยไปซะแล้ว โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนถึง 3 ภาษาที่โรงเรียน และการเข้ามาของอาเซียนที่มากขึ้น ยิ่งทำให้ต้องพัฒนาภาษาของตัวเองให้ดีขึ้น โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ที่ใครก็ต่างบอกว่ายาก ไม่มีเวลาฝึกฝน ไม่มีเวลาเรียน แต่รู้ไหมว่ายุคนี้เราสามารถฝึกภาษาอังกฤษออนไลน์ที่มีให้เลือกเยอะมาก จนอาจจะเลือกไม่ถูก แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง เรายินดีให้คำปรึกษา ซึ่งวิธีฝึกที่แนะนำคืออย่างน้อย 20 - 40 นาทีต่อวัน และ 3 - 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
เริ่มโดยการฝึก อ่านและฟังไปด้วยในเวลาเดียวกัน สนุก ๆ นะคะ คลิกดูเลย

 White Death  ( มีเนื้อหารวมเป็นเล่ม มี สามเรื่อง สนใจ ติดต่อมาที่Facebook นะคะ


4. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์

     นอกจากจะทานอาหาร ให้อิ่มท้อง หรือเพื่อความอร่อยแล้ว เรื่องของคุณประโยชน์ก็สำคัญเช่นกัน

     บทความจากนิตยสาร Newsweek ได้เปิดเผยว่า การทานสลัดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งสามารถทำให้สมองของมนุษย์อ่อนเยาว์ลงถึง 11 ปี นอกจากสลัดแล้วเราควรทานปลาให้มากขึ้นเช่นกัน เพราะในปลามีโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเด็ก ๆ ถ้าทานทุกสัปดาห์ ไอคิวจะสูงขึ้นถึงสี่จุด และลดอัตราการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย โดยปลาที่แนะนำให้ทานคือ ปลาทู

5. หยุดทานหลัง 3 ทุ่มสักที

     หลายคนเห็นหัวข้อแล้วต้องเศร้าแน่นอน เพราะฉันนี่แหละชอบกินบุปเฟต์เหลือเกินในยามค่ำคืน แต่รู้หรือไม่ว่า การทานอาหารให้ถูกเวลาก็สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาหลัง 3 ทุ่ม เป็นเวลาที่เราควรหยุดทาน เพราะการทานอาหารช่วงดึก ๆ คือสาเหตุของการตามมาของหลายโรค เช่น โรคหัวใจ โรคอ้วน กดไหลย้อน เป็นต้น แต่หากใครหิวจนทนไม่ไหวจริง แนะนำให้ดื่มนมอุ่นใส่น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เพราะในน้ำผึ้งช่วยให้นอนหลับดีขึ้น


6. เข้านอนให้ไวขึ้น

     ใครอยากสุขภาพดี และอยากลดน้ำหนักง่าย ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่ “นอนให้ถูกเวลาเท่านั้น” ทุกคนคงได้ยินมาบ่อย ๆ ว่าควรนอน 6 - 8 ชม. แต่จริง ๆ แล้วช่วงอายุ 18 - 64 ปีนั้นควรนอน 7 - 9 ชม.ต่อวัน และเวลาที่ควรเข้านอนในช่วง 21.00 น. - 05.00 น. เพราะในขณะที่นอนหลับไปแล้วนั้นร่างกายจะทำงานได้อย่างเต็มที่ เช่น การฆ่าเชื้อโรค ขจัดสารพิษ ขับถ่ายดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าใครอยากผิวสวยหน้าใส ให้ตื่นตี 5 มารับอากาศยามเช้าให้เต็มปอดดูซิคะ เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ปอดทำงานได้อย่างเต็มที่



7. ออกกำลังกายซะบ้าง

     เชื่อว่านี่เป็นเป้าหมายของใครหลายคน และทำได้ยาก ด้วยเหตุผลต่าง ๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการออกกำลังกายนั้นมีความสำคัญมากกว่าแค่สุขภาพดีอีกนะ เพราะสำหรับใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะมีสมองที่ดี คิดงานได้คล่อง มีความคิดสร้างสรรค์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ ช่วยให้ชะลอความแก่ แถมยังความจำดีขึ้นอีกด้วย โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ 20 - 45 นาทีต่อวัน และ 3 - 5 วันต่อสัปดาห์


8. อ่านให้มากขึ้น

     “คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด” ประโยคที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงได้ยินอยู่เสมอ ลองใช้เวลาสักนิดต่อวันเพียง 10 - 30 นาทีต่อวัน หันมาอ่านหนังสือให้มากขึ้นกันดีกว่า เพราะการอ่านเป็นสิ่งที่ดีต่อสมอง ช่วยให้มีสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นในการทำงาน โดยการอ่านหนังสือนั้นจะเป็นหนังสืออะไรก็ได้ เช่น หนังสือเรื่องสั้น หนังสือพิมพ์ หรือ หนังสือนวนิยาย เป็นต้น


     นักจิตวิทยาองค์ความรู้ Keith Oatley บอกว่า การอ่านนวนิยายนั้นยังช่วยสร้างทักษะการเข้าสังคมอีกด้วย หรือจะลองฝึกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเพิ่มทักษะการอ่านให้ดีขึ้น ซึ่งหนังสือที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น คือ Wonder by R.J. Palacio ที่เคยถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และคำศัพท์ไม่ยากจนเกินไป

 9. ออกไปข้างนอกให้เยอะขึ้น

     การออกไปข้างนอกสูดอากาศที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติ ในสวนสาธารณะช่วยทำให้ร่างกายและสมองผ่อนคลาย รวมไปถึงการลดอาการซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะหากใครที่ต้องใช้ความคิดในการทำงานมาก ควรพักจากหน้าจอ และหันหน้าเข้าพื้นที่สีเขียวดูบ้าง แต่ถ้าหากได้มีโอกาสไปท่องเที่ยว จะยิ่งช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นจากการเดินทางไปที่ต่าง ๆ 

     แต่ถ้าสำหรับใครที่ไม่ชอบไปไหนจริง ๆ ขอแนะนำให้ลองใช้เวลากับศิลปะมากขึ้น เช่นการเล่นดนตรี ดูหนัง หรือหัดเขียนบล็อกเก็บบทความหรือเรื่องราวที่ตนเองมีความรู้และทักษะอยากเล่า เหมือนบล็อกนี้ก็ดีนะคะ เพราะการใช้เวลากับศิลปะและการเขียน ก็ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และยังช่วยลดความตึงเครียดจากเรื่องต่าง ๆ ได้เช่นกันค่ะ


10. เล่น Social Network ให้น้อยลง

     สังคมออนไลน์ ที่ปัจจุบันเปรียบเป็นเหมือนหนึ่งในปัจจัยการดำเนินชีวิตไปแล้วก็ว่าได้ โดยเฉพาะธุรกิจทั้งเก่าทั้งใหม่ต่างก็ต้องปรับตัวกันทั้งนั้น เช่นเดียวกับผู้ใช้ทุกคนที่ควรใช้แต่พอควร ลดลงบ้าง เพราะการเล่น Social Network มาก ๆ นั้นทำให้เสียเวลาในการใช้ชีวิตไปมาก และอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคต่าง ๆ เช่น การถูก Cyber Bully ที่มีผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ และสำหรับใครที่นอนไม่ค่อยหลับ นอนดึกดื่น ยิ่งต้องลดการเล่นโซเชียลให้น้อยลง ออกจากโลกออนไลน์ และกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงให้มากขึ้น

     เริ่มคิดออกแล้วใช่ไหมคะว่าปีนี้จะทำอะไรดี!? เพราะทุกคนคงได้ไอเดียในการไปปรับใช้กับเป้าหมายของตัวเองในปีนี้กันแล้ว แต่ทำไมนะทุกปีเลยที่ตั้งใจจะทำอะไรแล้วมันไม่เคยสำเร็จเลย ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุที่มาที่ไปกันทั้งนั้น


เรามาดูกันดีกว่าว่าอะไรบ้างที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นเป้าหมายของเรากันนะ


เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน - หากอยากไปให้ถึงเป้าหมาย ควรทำให้เป้าหมาย “ชัดเจนและจับต้อง” ได้ก่อนลงมือทำ เช่น แทนที่จะเขียนว่า "ต้องลดพุงให้ได้ในปีนี้" น่าจะเขียนว่า "จะไม่ใส่กางเกง เอวเกิน 34 นิ้ว"
ไม่เขียนเป้าหมาย - ลองหาสมุดสักเล่ม หรือพิมพ์ไว้ในNote ของมือถือก็น่าจะดีกว่าเพื่อช่วย “เตือน” ป้องกันการหลงลืมเป้าหมาย
เป้าหมายเยอะเกิน - เป้าหมายมีหลายข้อได้ แต่ควรลงมือทำทีละข้อ หากสำเร็จแล้วจึงค่อยเริ่มต้นทำข้อถัดไป
เป้าหมายใหญ่เกินไป - ลองปรับซอยเป้าหมายของคุณให้เล็กลงดูไหม แล้วค่อย ๆ เคลียร์ไปทีละนิด
เช่นแทนที่จะเขียนว่าลดนน.ให้ได้ 10 กก.(ทั้งปี) ก็ซอยออกมาต่อเดือน ก็มีทางเป็นไปได้มากกว่า
ไม่กำหนดเวลา - การจัดสรรเวลาให้กับเป้าหมายช่วยเพิ่มความตั้งใจที่จะลงมือทำได้มากขึ้น
ขาดการวางแผน - ลองเขียนเป็นหัวข้อ ๆ ให้กับเป้าหมายดู วางแผนให้เป็นระเบียบมากขึ้น
ขาดแรงจูงใจ - หาหรือลองสร้างกำลังใจและแรงจูงใจคือสิ่งสำคัญ ที่จะเพิ่มความพยายามมากขึ้นได้
ขาดผู้สนับสนุน - ชวนเพื่อน หรือใครสักคนมาร่วมอุดมการณ์ในการคว้าเป้าหมายไปพร้อม ๆ กันดูนะคะ
แนะนำให้ตั้งกลุ่มไลน์ เพื่อนที่มี ปณิธาน เหมือนกัน ก็น่าจะทันยุคมากกว่า ถูกเพื่อน แดกดันมั่งก็ไม่เป็นไร เพื่อนที่ดี ย่อมให้กำลังใจเรานะคะ

     ถึงตรงนี้เราหวังว่าทุกคนจะได้ทบทวนตัวเอง ถึงเรื่องเป้าหมายที่ตั้งใจจะทำในปี 2020นี้ และตั้งใจจะมาช่วย “เตือน” ว่าอย่าหลงลืมความตั้งใจที่จะทำเป้าหมายเหล่านั้นให้สำเร็จ ในแบบของตัวเอง ขอเป็นกำลังใจให้ปีนี้ ประสบความสำเร็จได้อย่างใจหวังนะคะ

     ก่อนจะจากกันไปในวันนี้  อยากให้ทุกคนลองมาแชร์ New Year’s Resolution ของตัวเองที่คอมเมนต์ของโพสต์นี้ที่ Facebook กันหน่อยนะคะ เพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวดี ๆ แบบนี้กับเพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ กันนะคะ