pearleus

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สนุกกี้ ตอนที่ 2 มาม่าซัง

ชีวิตที่ยังต้องดิ้นต่อไป
ชีวิตรักของฉันและทอม เต็มไปด้วยความสุข จนกระทั่งเมียของทอมบินมาจากอังกฤษและโผล่พรวดเข้ามาในคอนโดวันหนึ่ง พระเจ้าช่วย มันเป็นประสบการณ์ที่ฉันไม่มีวันลืมเลือนที่เค้าเรียกผู้หญิงเวลาโกรธว่า tigress!( อ่านว่าไท้เกรสส์ แปลว่าเสือตัวเมีย โหดร้ายและพร้อมที่จะตะปบเหยื่อนั่นแหละ) ยายคนนี้นี่ สุดยอดน่ากลัวยิ่งกว่าเสืออีก ฉันไม่มีทางเลือก นอกจากเก็บของย้ายออกจากคอนโดของทอม ตั้งแต่นาทีนั้น  นายนั่นไม่ทำห่าอะไรเลย นั่งจ๋องอยู่มุมห้อง!!


หลังจากแยกย้ายกับทอม ฉันก็ไม่พิรี้พิไร เพราะมันเซ็ง ๆ กับชีวิตมานานแล้ว ไม่ได้ ตั้งหน้าตั้งตา หาแฟนหรือหาใครเลี้ยงดู หรือหาสามีเหมือนที่หลาย ๆ คนพยายาม ฉันอยู่แบบสบาย ๆ ไม่คิดมาก
แต่แล้ว ชีวิตฉันก็พบจุดเปลี่ยนแปลงอีก วันหนึ่งฉันเจอเพื่อนเก่าชื่อจอห์น ผู้ซึ่งเป็นนักเที่ยวตัวยง เขาชอบเที่ยวซอยคาวบอย (เป็นแหล่งบาร์และอะโกโก้ บนถนนสุขุมวิทซอย 23 หรือซอยประสานมิตร จอห์นชวนฉันไปดื่มที่บาร์หนึ่งในซอยนั้น เพื่อจะอวดสาวคนใหม่ที่เขาเจอที่บาร์นั้น เขาชมเธอมากมาย อยากให้ฉันเป็นเพื่อนกับเธอ แต่หลังจากจอห์นแนะนำ และเราคุยกันไม่กี่ประโยค ฉันไม่ค่อยชื่นชมเธอมากเท่าไหร่ ฉันบอกจอห์นตรงๆ ว่า ยัยคนนี้คือนักขุดทองแน่นอน!
ขณะที่เราคุยกันที่บาร์นั้น เรามีโอกาสได้คุยกับเจ้าของบาร์ ชื่อ จิมเขาถามฉันว่าทำงานอะไร ฉันบอกว่า กำลังหางานอยู่ เขาก็เอ่ยปากชวนว่าระหว่างที่หางานอยู่อยากมาทำแคชเชียร์ ที่บาร์เขาไหม เพราะแคชเชียร์คนเดิมถูกไล่ออกเพราะ โกงเงินของเขา ฉันคิดอยู่ชั่วครูแล้วตอบตกลง แต่มีข้อแม้ว่าฉันไม่ต้องถูก”ออฟ” ไปกับแขกนะ จิมตกลง ฉันจึงเริ่มงานในวันรุ่งขึ้นทันที!!

หลังจากทำงานแคชเชียร์หนึ่งอาทิตย์ ยายมาม่าซังก็ลาออกเพราะมีการทะเลาะโต้เถียงกันอย่างรุนแรงกับจิม เขาถามฉันว่า ฉันจะทำงานมาม่าซังได้ไหม ฉันบอกว่าขอทดลองงาน หนึ่งเดือน
 
ก่อนอื่น ขอบอกว่า พวกผู้หญิงบาร์ ยอมรับฉันได้ เพราะฉันอายุมากกว่า และเรียกว่ามีความรู้มากกว่า ผู้หญิงทำงานบาร์ส่วนใหญ่มาจากอิสาน สรุปว่าฉันเข้ากับพวกเขาได้ดี ฉันเข้าไปทำงานในเวลาที่เรียกว่าเป็น”โลว์ ซีซั่น” คือไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว พนักงานก็นั่งกันเหงา ๆ

ฉันเจอวิกฤติในหน้าที่การงานครั้งแรก ในตำแหน่งมาม่าซังก็คือพนักงาน(สาวบาร์) ทะเลาะแย่งลูกค้ากัน ฝรั่งคนนี้ยังหนุ่ม หน้าตาดี เป็นชาวอังกฤษ นายคนนี้ มันเหมือนหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ คบผู้หญิงสองคน และ หลอกให้ทั้งสองอิจฉากัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อ ทำยังไงจะจ่ายค่าตัวผู้หญิงให้ถูกที่สุดที่จะจ่ายได้ และ พยายามให้ใครคนใดคนหนึ่งย้ายไปอยู่ด้วยแบบฟรี ๆ เขาสัญญาทั้งสองคนว่าจะพาไปอังกฤษด้วย ทำให้ทั้งคู่ พูดจากระทบกระเทียบกันตลอดเวลา ฉันทราบว่า ทั้งสองคน ไม่เรียกเงินค่าตัวจากนายคนนี้เลย เขาจ่ายแต่ค่าออฟหรือ bar-fired ให้แก่ทางบาร์เท่านั้น ในที่สุด นายคนนี้ก็เลือกผู้หญิงคนที่สวยกว่า จากนั้นเราก็ไม่เคยเจอทั้งสองคนอีกเลย


วิกฤติรายที่สองของฉันก็คือ ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานกับนักมวยไทยที่ขี้หึงมาก เขาชอบวางก้ามเวลามาที่บาร์ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเข้ามาหาเรื่องลูกค้าฝรั่งที่มาดื่มเป็นแขกประจำของภรรยาเขา นายนักมวย ตะโกนท้าทายและขู่ทำร้ายฝรั่ง แต่ปรากฏว่าเขาถูกซ้อมจนสะบักสะบอม เพราะนายฝรั่งเป็นนักคาราเต้สายดำ นายนักมวยวิ่งหนีออกจากร้านและกลับมาพร้อมกับเพื่อนคนไทยอีกสามคน รุมทำร้ายนายคาราเต้ แต่ ทำอะไรเขาไม่ได้มาก เพราะนายคนนี้เก่งมาก เรื่องลุกลามใหญ่โต เมื่อเพื่อนนายคาราเต้ เป็นฝรั่ง กล้ามเป็นมัดๆ อีก สามคนมาแจมด้วย เท่านั้นแหละ บาร์เราก็กลายเป็นสนามมวยย่อม ๆ ต่างฝ่ายต่างก็รอให้บาร์ปิดแล้วท้ากันออกไปต่อยข้างนอกบาร์ ดีที่ไม่มีตำรวจมา ไม่งั้น บาร์อาจจะถูกปิด ฉันแก้ปัญหาโดยบอกให้ผู้หญิงต้นเหตุ กระซิบฝรั่งว่าให้ไปพัทยา แล้วรอเธอที่นั่น

ฉันดีใจที่แก้ปัญหาได้ อีกสองวันต่อมาผู้หญิงก็ตามไปหาฝรั่งที่พัทยา อยู่ด้วยกัน วันสุดสัปดาห์ สองครั้ง แล้วนายฝรั่งนั่นก็เจอผู้หญิงใหม่ที่พัทยา ผู้หญิงของเราก็กลับมาทำงานตามเดิม

เรื่องตื่นเต้นต่อไปของฉันคือเรื่องเกี่ยวกับนายบิลลี่ ฝรั่งอเมริกันผู้ขี้เหนียวสุด ๆ เราตั้งฉายาเขาว่า บิลลี่ขี้นก เขาเป็นแขกประจำมานั่งที่บาร์ทุกวัน สั่งเบียร์ หนึ่งขวดนั่งละเลียดทีละจิบ ๆ ไม่เคยซื้อดื่มให้ใครเลย พวกเราพยายามทุกวิธีที่เรียนมาจากหนังสือคู่มือการบริการลูกค้า ชักจูงใจให้เขาสั่งดื่มเพิ่ม ก็ไม่ได้ผล จนกระทั่งวันหนึ่งจอยเด็กสาวคนใหม่ ซิง ๆ มาจากบุรีรัมย์ เข้ามาสมัครงาน น้องจอยคือผู้ชนะหัวใจบิลลี่อย่างคาดไม่ถึง บิลลี่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาซื้อของแพง ๆ ให้จอย ซื้อสร้อยแหวนทองให้ใส่ ซื้อโทรศัพท์มือถือแพงๆ ซื้อทุกอย่าง จอยผู้ชอบตุ๊กตาหมีทุกวัน จนพ่อค้ารถเข็นขายตุ๊กตา2-3 รายในซอย ขายดิบขายดีกันถ้วนหน้า ในห้องนอนจอยแน่นไปด้วยตุ๊กตา กองเต็มตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานห้อง
และแล้วเวลาของบิลลี่ก็หมดลง เขากลับไปอเมริกา จอยขายทองทุกชิ้น ตุ๊กตาทุกตัว รวบรวมเงินได้ ก็กลับไปอยู่ บุรีรัมย์ สามเดือนแล้วกลับมาทำงานใหม่

วิกฤติเรื่องสุดท้ายที่ฉันได้ผจญก็คือ เรื่องของผู้หญิงบาร์คนหนึ่งหลงรักฝรั่งอย่างบ้าคลั่ง ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีความรักมาก่อน เห็นจะจริงที่เขาว่ากันว่า ผู้หญิงตกหลุมรักได้แค่ "ครั้งเดียว" นายฝรั่งเยอรมันคนนี้ก็คงจะเป็นคนเดียวของยายคนนี้จริง ๆ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพียงหนึ่งเดือนในเมืองไทย เมื่อฝรั่งกลับไป เธอก็โศกเศร้า นั่งหน้างอ น้ำตาคลอเบ้าทั้งวัน ทั้งคืน ปฏิเสธที่จะต้อนรับแขกโดยเด็ดขาด
เช้าวันหนึ่งพวกเราก็ได้ข่าวว่าเธอพยายามฆ่าตัวตาย โดยการกรีดข้อมือตัวเอง พอดีมีเพื่อนมาพบเข้าจึงถูกส่งโรงพยาบาลทัน เธอหายดีแล้วเลยถูกส่งตัวกลับบ้านเดิมที่ขอนแก่น
ต่อมาฉันก็ได้ข่าวว่าเธอได้รับข่าวจากแฟนเยอรมัน และ ได้ บินไปอยู่กับเขาที่เยอรมันเรียบร้อบแล้ว
อีก สัปดาห์หนึ่งต่อมา ฉันขอลาหยุดพัก 3 เดือน เจ้านายของฉันอนุญาต แต่หลังจากสามเดือนผ่านไป ฉันก็ไม่เคยกลับไปบาร์นั้นอีกเลย  ฉันจับพลัดจับผลูมาอยู่ พัทยาเมืองบาป ได้ เพราะเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง
ตอนนี้ตอบอย่างภูมิใจว่าเป็น “คนพัทยา”ค่ะ

เล่าโดยสนุกกี้ คนพัทยา

16 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2556 เวลา 11:05

    เบื่อสังคมผู้หญิงบาร์ อิจฉา ริษยา เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน จนไม่คิดว่า เพื่อนร่วมงานจะเป็นอย่างไร ไม่แคร์ ขอให้ได้เงินไว้ก่อน รู้ว่าฝรั่ง มันไม่ใช่ ผัว แต่ การที่ยั่วไม่สนหน้าใคร หัวใจ นะ ไม่ใช่ธุรกิจ คงจะรู้รสชาติ เวลาทีใครเอาของคุณไป และคุณเอาของเขาไป มันก็แค่ฝรั่ง เซ็ก ทัวร์
    และฝรั่งอย่าคิดว่าตัวเองเป็นเทวดา ฝรั่งขี้นก เยอะมากในพัทยา
    รู้ดี รู้มาก ดีไม่ดี จนกว่าคนไทยก็มี ดูถูกผู้หญิงไทยสาระพัด สำหรับผู้หญิงที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ มันเล่า ให้ ฉันฟังว่า she ก็เหมือนหมา เดินตาม ฝรั่งเลวเยอะมาก เข้ามาเยอะมาก ในเวลานี้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

      ลบ
    2. คุณเล่าเห็นภาพเลย ว่าง ๆ อ่านแล้วเม้นท์ เรื่องอื่น ๆ ด้วยนะคะ จะได้แชร์ความเห็นกันค่ะ

      ลบ
  2. เด็กใหม่พัทยาค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้ดีนะ เป็นอีกคนที่เข้าใจเมื่อมาใช้ชีวตที่นี้ เมืองคนบาปจริงๆๆค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พยายามตามอ่านให้ครบทุกเรื่อง จะรู้จักพัทยาจะได้เตรียมตัวเวลามีปัญหาเกิดขึ้น เรียกว่า"รู้เขารู้เรา" ค่ะ

      ลบ
  3. เด็กใหม่พัทยาค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้ดีนะ เป็นอีกคนที่เข้าใจเมื่อมาใช้ชีวตที่นี้ เมืองคนบาปจริงๆๆค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เห็นด้วยค่ะ แปลว่า ตรัสรู้แล้ว
      คนพัทยาต้องตั้งเป้าหมายว่ามาทำอะไร ถูกต้องไหม ถูกใจไหม กำลังทำอยู่ หรือ ยังเปะปะ
      ระวังสิ่งยั่วยวนทำให้เป๋ได้เหมือนกันค่ะ

      ลบ
  4. อยากไปดูค่ะ แต่กลัว ปัจจุบันว่างงานต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ฐานะไม่ค่อยดี
    อยากไปสร้างตัวเพื่่อลูก แต่ไม่รุ้ต้องเริ่มต้นทำไงดี ไม่เคยไปพัทยาเลย ไม่มีญาติด้วย
    จะไปเดินหางานที่ไหนดี ใครรุ้ช่วยตอบด้วค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อ่านตอนที่ 1 เรื่องสนุกกี้หรือยังคะ แนะนำให้อ่านก่อนนะคะ
      คลิกที่ลิ้งค์ท้ายบทความนี้ค่ะ

      ลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ13 ตุลาคม 2557 เวลา 22:57

    สวัสดีค่ะ ชื่อดาว อยากไปทำงานที่พัทยาเหมือนกันแต่ก้ออย่างว่าภาษาไม่เป็นเลยดาวอ่านแล้ว อยู่ลำบากมากเลยช่วยแนะนำดาวหน่อยได้ไหมค่ะว่าละหว่างพัทยากับภูเก็ตที่ไหนดีดาวอยากทำฝันของแม่ให้มันเป็นจิงนะพี่แม่แกอยากจะมีบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ก่อนตายแต่ก้ออย่างว่าเรามันคนจนก้อได้แค่ฝันไปวันวัน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไปหางานที่ได้ฝึกภาษาพูดนะคะ เช่นเสริฟ(จริง ๆ ) ไม่ใช่เสริฟบังหน้าแล้วไปหาเงิน หางานตามโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์เล็ก ๆ มีโอกาสได้ทำงานหลายแผนก ไม่แล้งน้ำใจ ช่วยเพื่อน ๆ บ้าง ฝึกพูดกับลูกค้าฝรั่ง(ชาติที่พูดภาษาอังกฤษจริง ๆ) ไม่ใช่รัสเซีย หรือเยอรมัน ที่พูดอังกฤษไม่ได้ดี (จะทำให้ภาษาเราแย่ตามนะคะ)
      มีอะไรเขียนมาคุยได้นะคะ

      ลบ
  6. ยากทำงานนี้ ครับผม

    ตอบลบ
  7. ผมยากทำงานที่นี้จังคับ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ17 เมษายน 2558 เวลา 06:24

    อ่านสนุกดีค่ะ เราก็คนพัทยา อยู่ที่นี่จนเริ่มจะเบื่อสังคมเมียฝรั่งแระ แต่มันก็ดีอย่าง ทำให้เราได้รู้ได้เห็นการดิ้นรนของผู้หญิงบาร์ บางคนก็โชคดี บางคนทำงานบาร์สิบๆปี ก็ยังอยู่ที่เดิม เพราะบางคนเอาแต่สนุก บางคนทำงานจริงจังก็มีเงินเก็บทำฝันสำเร็จแล้วก็เลิก ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวให้อ่านค่ะ

    ตอบลบ