ลองมาดูกรณีศึกษาเกี่ยวกับผู้หญิงบาร์ถูกสะกดรอยโดยสามีฝรั่งดูบ้างนะคะ ดิฉันมีโอกาสได้รู้จักทั้งสองฝ่าย จึงขอเล่าให้ฟังเป็นเคส ๆ ไป
คนแรกที่จะเล่าให้ฟังคือฝรั่งชื่อเบริ์ท มาเที่ยวเมืองไทยจนเงินหมด ส่วนใหญ่หมดไปกับผู้หญิงและการดื่ม เที่ยว เบริ์ทเป็นขา ประจำที่เที่ยวในกรุงเทพฯ เช่น แถวนานาพลาซ่า โรงแรมเกรซ เทอร์เม่ ซอยคาวบอย ฮาร์ดร็อคคาเฟ่ โนโวเทล สปัสโซ่ รีว่าส์ หรือซอย
7 เบียร์ การ์เด้นตลอดจน บาร์อะโกโก้ แถวพัฒน์พงษ์ เบริ์ทจัดเป็นนักเที่ยวผู้ทะลุปรุโปร่ง เบริ์ทจึงเข้าใจธรรมชาติ นิสัยและความต้องการของผู้หญิงบาร์ เป็นอย่างดี
ในขณะที่เบริ์ทกำลังหมดตัว ไม่มีเงิน วันหนึ่งเขาก็เจอเกย์ฝรั่งคนหนึ่ง ในบาร์ เสนองานนักสืบให้เขาทำ งานนี้ทำให้เขาได้เที่ยวเหมือนชีวิตปรกติ คอยสืบพฤติกรรมของผู้หญิงแฟนฝรั่ง ว่าในขณะที่แฟนไม่อยู่เธอ ๆ เหล่านั้นได้แอบกลับไปทำงานตามบาร์ต่าง ๆ หรือแอบมีแฟนฝรั่งหรือแฟนไทยหรือเปล่า
เบริ์ทตกลงรับงานนักสืบนี้ทันทีเพราะเขาเป็นนักเที่ยวอยู่แล้วงานนี้ทำให้เขาได้เที่ยวฟรีโดยลูกค้าคือสามีหรือแฟนของผู้หญิงตกลงยอมจ่ายค่าจ้างเป็นครั้ง ๆ ไป เบริ์ทเรียกตัวเองว่าเป็น”ferret”เหมือนตัวพังพอนที่ขุดคุ้ยหาเหยื่ออย่างเชี่ยวชาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ลึกลับ ตามซอกมุมต่างๆ
เบริ์ทรับงาน มา
3 ชิ้น รายแรกคือเขาได้รับรูปผู้หญิงบาร์คนหนึ่ง เบริ์ทได้ไปสืบตามบาร์เดิมๆ ที่ผู้หญิงเคยทำงานเขาต้องไปถึงสองสามครั้ง จนเจอเธอยังทำงานที่นั่นและยังออกไปกับลูกค้าหรือเรียกว่ายัง”bar
- fined” ได้(”bar
fined” หมายถึงลูกค้าต้องจ่ายค่าออฟผู้หญิง ให้แก่บาร์เพราะเป็นเวลาทำงาน ผู้หญิงยังต้องเต้นหรือเสริฟอยู่ หากจ่าย”bar
fined”แล้วสามารถพาผู้หญิงออกไปได้ ค่า”bar
fined”ขึ้นอยู่กับเจ้าของบาร์จะตั้งราคาไว้ อาจจะ200-500
แล้วแต่ความป็อปปูล่าของบาร์ และหน้าตาของผู้หญิง ส่วนค่าบริการหรือค่าตัวผู้หญิงทางบาร์ไม่เกี่ยวข้อง เป็นข้อตกลงของลูกค้าและผู้หญิงตกลงกันเอง นัยว่าเป็นการหลีกเลี่ยงความผิดในข้อหาค้ามนุษย์) ในที่สุดเบริ์ทก็ปิดเคสแรกโดยการใช้มือถือถ่ายรูปผู้หญิงในขณะที่เธอทำงานในบาร์และถูกbar-fined
ออกไปกับลูกค้า
สอง
เขาถูกจ้างให้
bar-fined ผู้หญิงและพาเธอไปโรงแรม และหาข้อแก้ตัวเอาเองว่าต้องยกเลิกบริการโดยต้องถ่ายรูปภายในห้องไว้ รวมถึงรูปผู้หญิงด้วย แต่เบริ์ทก็เล่าว่าบางทีเขาก็เลยเถิดมีเซ็กซ์กับผู้หญิงด้วย
รายสุดท้ายเขาต้องสืบเสาะหาที่อยู่ของผู้หญิงและสืบให้รู้ว่าอยู่กับใคร ไม่ใช่อยู่กับเพื่อน ๆ ผู้หญิงบาร์ด้วยกัน แต่อาจจะอยู่กับผู้ชายไทย หรือฝรั่งคนอื่น
สรุปว่าเบริ์ทชอบงานนี้มาก เพราะ เขาสนุกกับงานเหมือนใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ แต่งานนี้เขาไม่ได้จ่ายเงิน และได้เงินค่าจ้างอีกต่างหาก บางทีเขาก็มีฟรีเซ็กซ์กับผู้หญิงของลูกค้า และเรียกเงินจากผู้หญิงเพื่อแลกกับการไม่บอกความจริงแก่ลูกค้าหรือผู้จ้างวานซึ่งเป็นสามีหรือแฟนของผู้หญิงซึ่งพฤติกรรมแบล็คเมล์นี้เขาก็ทำอยู่เป็นปรกติอยู่แล้วแต่คราวนี้เขารับเงินจากทั้งสองฝ่าย
เบริ์ทและฝรั่งเกย์เจ้าของเอเจนซี่นักสืบ ได้ทำธุรกิจกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เรียกค่าบริการครั้งละ
15000 (หมื่นห้าพันบาท)
อย่างนี้เขาจะเรียกผู้หญิงบาร์ว่าต้มตุ๋น หรือ คอร์รัปชั่น ได้ยังไง เพราะพฤติกรรมฝรั่งหลอกฝรั่งมีอยู่มากมายในเมืองอย่างพัทยา
เรื่องฝรั่งสปายหรือใช้นักสืบติดตามผู้หญิงบาร์จะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้เล่าเรื่องของก้อย สาวแสบผู้ดูเหมือนจะรู้ทันฝรั่งเป็นอย่างดี ก้อยมีแฟนหนุ่มชาวแคนนาดาชื่อ โจ ผู้ส่งเงินมาให้เธอเดือนละ
25000(สองหมื่นห้าพัน)เพื่อช่วยครอบครัวเธอและไม่ให้เธอทำงานในบาร์อีก ก้อยมีแฟนคนไทยชื่อเล็ก ไม่ทำงานอะไร อาศัยเกาะกินอยู่กับก้อย โดยไม่รู้สึกผิดหรือละอายแต่อย่างใด เมื่อโจโทรมาหาก้อย เล็กจะไม่มีสิทธิ์ พูดหรือทำเสียงรบกวนใด ๆ ก้อยและเล็กติดยาบ้าและยาไอซ์ อย่างหนักในที่สุดเล็กบังคับให้ก้อยขายทองที่โจซื้อให้จนหมด และโทรศัพท์มือถือของก้อยก็ต้องระเห็จไปอยู่โรงรับจำนำ จนโจติดต่อก้อยไม่ได้ต้องติดต่อผ่านเพื่อนของก้อย เธอโกหกว่าโทรศัพท์หาย โจต้องโอนเงินมาให้ก้อยซื้อโทรศัพท์ใหม่ โจ เริ่มไม่ไว้ใจก้อย เขาโทรมาหาเธอในเวลาทำงานของบาร์คือระหว่าง ทุ่มครึ่งถึงตีสองก้อยตกใจมาก เพราะเธอแอบกลับมาทำงานบาร์เพื่อหาเงินไปซื้อยามาเสพ เวลาโทรศัพท์ดังขึ้นก้อยต้องวิ่งไปหลบมุมคุยในห้องเก็บของหลังบาร์เอาผ้าคลุมโปงเพื่อไม่ให้เสียงเพลงเล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์
ก้อยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนักสืบฝรั่ง เธอเคยเห็นฝรั่งคนหนึ่งพูดไทยเก่งมากมากับผู้หญิงไทย แต่งตัวดี เข้ามานั่งในบาร์ และเอารูปผู้หญิงบาร์คนหนึ่งมาให้พวกเธอดู ถามคำถามหลาย ๆ อย่างคนทั้งคู่ไม่ใช่แฟนกัน ก้อยสันนิษฐานว่าทั้งคู่คือนักสืบแน่นอน แน่นอนพวกเธอไม่บอกความจริงว่าผู้หญิงในรูปถูกออฟไปสมุยกับลูกค้าเกือบ
2 อาทิตย์แล้ว สัญชาตญาณในการดูแลซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องปรกติในสังคมผู้หญิงบาร์ยกเว้นผู้หญิงคนไหนไม่มีมนุษยสัมพันธ์ หรือเห็นแก่ตัวกับเพื่อน ๆก็จะถูกเพื่อนบอยคอร์ทเช่นกัน
ก้อยเกิดความกังวลว่าโจจะส่งนักสืบมาติดตามเธอก้อยลงทุนย้อมผมเป็นสีทอง และคอยระมัดระวังเวลาลูกค้าต้องการ
bar-fined เธอต้องตรวจเช็ค สอบถามสารพัดคำถามเพื่อเช็คว่าเขาเป็นนักสืบหรือเปล่า บางครั้งเธอวิ่งหนีลูกค้าอย่างวิตกจริต ทำให้ลูกค้ารำคาญ และแน่นอนรายได้ของก้อยก็ตกลง ทำให้เล็กหัวเสีย เพราะเขาต้องการเงินไปซื้อยามาเสพ ด้วยฤทธิ์ยาและความเครียด ได้กดดันทำให้ก้อยรู้สึกย่ำแย่ เมื่อเธอถูกเล็กตบตีหรือบังคับมากๆ เข้า แต่เธอไม่สามารถไล่เขาออกไปจากชีวิตได้
ในที่สุดเมื่อโจโทรมาซักไซ้มาก ๆ ก้อยก็หมดความอดทน สารภาพทุกอย่างกับโจ ซึ่งเขาก็บอกลาและไปจากเธอทันทีก้อยพูดสั้น ๆ ว่า
“ ไม่เป็นไร ยังมีปลาอยู่ในบ่ออีกเยอะ”
สำหรับเรื่อง ราวของเบริ์ทยังไม่จบเขายังคงเดินเข้า ๆ ออกๆ ตามบาร์ต่าง ๆ อยู่เพราะเป็นงานเดียวที่เขาถนัด และชอบ เขาเล่าว่า ตอนนี้ เขารับงานจากภรรยาไทยทั้งหลายให้ติดตามสืบพฤติกรรมของสามีที่แอบหนีไปช็อตทาม(แอบไปขึ้นห้องชั่วคราว)
กับหญิงอื่นในระหว่างวัน หรือกลางคืนซึ่งสามีพวกนี้ไม่สามารถไปค้างคืนกับใครได้เพราะมีหน้าที่การงานดี มีภรรยาอย่างเปิดเผย พูดง่าย ๆ มีภรรยาเป็นไฮโซแล้ว
สั่งซื้อหนังสือได้ที่นี่ค่ะ
อ่านสนุกมากครับ ผมอยากเป็นนักสืบเอกชนนะครับ น่าจะเป็นงานที่เหมาะกับผม
ตอบลบขอบคุณค่ะ ลิ้งค์คุณก็น่าสนใจดี
ลบ