ไหนๆ ก็ได้พื้นที่จากทางไทยรัฐในการเขียนความในใจแล้ว บุ๋มขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า "นรกมันมีจริง" มันคือ เรื่องราวของหญิงไทยที่ไปทำงานในต่างแดน
เท่าที่ได้มีการพูดคุยกับผู้หญิงที่ได้ช่วยเหลือกลับมา หญิงสาวกว่า 90% รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปทำงานอะไร แต่ไม่นึกว่าจะมีคู่แข่งเยอะจากนานาประเทศ รวมทั้งไม่คิดว่าจะต้องทำงานหนักมากขนาดนี้ ส่วน 10% ที่เหลือคือพวกที่โดนหลอกว่าให้ไปทำงานนวดสปา หรือไม่ก็พนักงานร้านอาหารและโรงแรมจริงๆ แต่พอไปถึงกลับให้ทำงานขายตัวเพื่อใช้หนี้ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่ากิน ค่าอยู่ ค่ายา ค่าของใช้สารพัด ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้
ตอนติดต่อให้ไปทำงานก็จะบอกว่า ไปทำงานโรงแรม สปา ร้านนวด หรือไม่ก็ขายตัวกันชัดๆ นี่แหละ แต่จะบอกว่า ไปทำงานสัก 2-3 เดือน ก็จะได้เงินสองสามแสนกลับบ้าน สาวบ้านนอก ยากจน หนทางชีวิตแค่หายใจยังลำบาก ไหนจะต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่เจ็บป่วยแก่เฒ่า ลูกหลานที่แหกปากร้องหิวทุกวัน ผัวที่ไม่ทำการทำงาน ชีวิตเหมือนไม่มีทางเลือก สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า นายหน้าหรือคนติดต่อก็ยังบอกว่า ค่าตั๋ว ค่าวีซ่า ค่าอุ้ม (คือค่าหาคนมารับรองเข้าประเทศ) ออกให้ก่อน ไปแล้วได้ตังค์แล้วค่อยใช้คืน ไม่กี่หมื่นหรอก (ตอนนี้นายหน้าหรือคนแนะนำได้ตังค์ไปดอกแรกแล้ว) แต่ก็มีบางคนที่เต็มใจไปจ่ายค่านายหน้า 5 - 8 พันบาท
พอไปถึงก็จะโดนจับไปขังอยู่ในตึก แล้วก็บอกสาว
ส่วนรายได้ก็ต้องมาจากการขายตัว ครึ่งชั่วโมง 20 ดีนาร์บาห์เรน, ถ้าหนึ่งชั่วโมงก็ 30 - 35 ดีนาร์บาห์เรน เหมาวันก็มีแต่น้อย แถมยังมีราคาปลีกย่อยว่าถ้าขายหน้าหลังราคาก็เพิ่มขึ้นมาอีกนิด ถ้าโชคร้ายก็จะเจอแขกหลอกว่าเฉพาะข้างหน้า แต่พอเข้าห้องโดนล็อกแขนข่มขืนข้างหลังจนเลือดไหลไม่หยุดก็มีมาแล้ว ไม่จ่ายเพิ่มด้วย! แล้วคิดดูว่าวันๆ นึงคุณต้องรับแขกให้ได้กี่คนเพื่อให้พอค่าห้องพัก ค่าอาหาร และจ่ายหนี้ที่ค้างเป็นแสนมาตั้งแต่แรก คุณต้องรับแขกอย่างน้อยร้อยประตูต่อสัปดาห์ถึงจะอยู่รอด ถ้ามีประจำเดือน คุณก็ต้องซื้อลูกไก่ราคาประมาณ 5 ดีนาร์บาห์เรน (ฟองน้ำกลมๆ เพื่อยัดในช่องคลอดไว้อุดเลือดไม่ให้ไหล แล้วถ้าโดนอัดหนักๆ จนล้วงไม่ออก ก็ต้องเอาน้ำฉีดเข้าไปในช่องคลอดจนลูกไก่หลุดออกมา) แต่ก็ต้องรับแขกให้ได้มากที่สุด ถ้าอยู่มานานแล้วหาแขกไม่ค่อยได้ รายได้ไม่เดินก็จะโดนขายต่อไปตึกอื่นเหมือนหมูเหมือนหมา แถมหนี้ค่านายหน้าก็เพิ่ม ถ้าป่วยก็ต้องหายาที่จ่ายแพงๆ มากินให้หาย ถ้าป่วยไม่หายไร้ซึ่งอนาคตก็จะโดนผลักตกตึกแล้วก็จะบอกแค่ว่า มันคืออุบัติเหตุ
สาวๆ ที่อยู่ที่นั่นเลยต้องปากกัดตีนถีบไปโดยไม่มีข้อแม้ ห้ามออกนอกตึกถ้ายังใช้หนี้ก้อนแรกไม่ได้ ห้ามเปิดหน้าต่างให้คนอื่นรู้ แถมยังนอนในห้องที่นอนกองรวมๆ กันสิบกว่าคน (ห้องที่ต้องจ่าย 220 หรือ 2 หมื่นกว่าต่อสัปดาห์นั่นแหละ) แล้วยังมีสาวๆ สวยๆ จากต่างชาติมาแย่งลูกค้าอีกเพียบ (ไม่กล้าเขียนประเทศเกรงว่าจะเป็นปัญหาระหว่างประเทศกันอีก เอาเป็นว่าพูดถึงสาวไทยก็พอนะ) สาวไทยเหล่านี้เลยต้องดูแลปรนนิบัติพัดวีนวดเฟ้นหลังเสร็จกิจเป็นอย่างดี เพื่อให้ลูกค้าติดใจครั้งหน้าจะได้เรียกสาวไทยต่อไป ดูสิ! การแข่งขันสูงมากขนาดไหน? นี่ละมั้งที่บอกก่อนมาบาห์เรนว่า “งานนวด”
บ่อทองบ่อสวรรค์กลายเป็นเหวนรกเมื่อคิดผิด ไปหนึ่งเดือนสามเดือนก็ยังกลับไม่ได้เพราะหนี้ยังใช้ไม่หมด ดีไม่ดีก็โดนหมกไม่ได้กลับบ้านตลอดกาล ชีวิตจริงไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ค่ะ แต่ถึงกระนั้นสาวไทยก็ยังเหินฟ้าบินไปบาห์เรนกันเหมือนไปเที่ยวห้าง ทำให้ทางองค์กรทำดีและสถานทูตไทยในบาห์เรนต้องทำงานหนักในการช่วยเหลือหญิงสาวออกมาจากนรก ต้องขอขอบคุณ สถานทูตไทยในบาห์เรน หรือ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ที่ช่วยเหลือหญิงไทยทุกคนอย่างขันแข็ง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า พวกเธอเหล่านั้น 90% เต็มใจไป
จริงอยู่ที่การเข้าไปช่วยเหลือทำให้บรรดาซ่องเสียหนี้ที่ต้องได้แต่ก็ถือว่าคุณเองก็หลอกเค้า จริงไหม? ส่วนสาวๆ ที่คิดว่า สถานทูตต้องออกตังค์ค่าหนี้ค่าตั๋วให้ คิดผิดคิดใหม่นะคะ เพราะเงินนั้นคือเงินภาษีประชาชนที่เค้าทำงานหนักและจ่ายภาษีถูกต้องตามกฎหมาย จะมาจ่ายให้สาวๆ ตั้งเป็นพันคนต่อปี เพื่อไปบินกลับเนี่ยะนะ คิดง่ายไปไหม? แล้วคุณดูจำนวนคนที่ไปสิ ขนาดบ้านพักฉุกเฉินมีให้กินให้นอนอย่างดีแบบฟรีๆ ก่อนได้บินกลับ สาวๆ บางคนยังมีบ่นเลย เฮ้อ! แต่ไม่ว่าคนไทยอยู่ไหนก็คือคนไทย เราก็ต้องช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน เมื่อคนไทยอยากกลับบ้านต้องได้กลับ
อ่านมาขนาดนี้แล้ว ขอกำลังใจให้ สถานทูตไทยในบาห์เรน องค์กรทำดี และ ปคม. (ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์) ด้วยนะคะ! เราจะสู้ต่อไปค่ะ!