การจับกุมตัวสมชาย คุณปลื้ม หรือ “กำนันเป๊าะ” อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี ผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ภาคตะวันออกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว บิดาสนธยา คุณปลื้มรมว.วัฒนธรรม และแกนนำพรรคพลังชล เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา
ตำรวจคอมมานโดจับกุมตัวได้ที่บริเวณด่านชำระค่าทางด่วนลาดกระบัง (ขาออก) ระหว่างอยู่ในรถโดยสารส่วนตัวกับหลาน ที่กำลังจะขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์ หลังตำรวจทราบข่าวมาว่ากำนันเป๊าะได้มาพักรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสมิติเวช โดยปลอมแปลงชื่อผู้ป่วยว่า นายกิม แซ่ตั้ง
นอกจากกำนันเป๊าะเป็นบิดานายสนธยาที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้และมีบทบาทการเมืองอยู่ค่อนข้างมากโดยเฉพาะในพื้นที่โซนตะวันออก ขณะเดียวกัน ลูกชายคนอื่นๆ ก็มีอำนาจในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
อิทธิพล คุณปลื้ม บุตรชายคนเล็กที่ตอนนี้ใหญ่คับเมืองพัทยาเพราะเป็นถึง นายกเมืองพัทยา หรือวิทยา คุณปลื้มอดีต ส.ส.ชลบุรีหลายสมัย ตอนนี้นั่งเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี
ตอนนี้ก็ต้องดูแล้วว่าชะตากรรม “กำนันเป๊าะ” หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปกับบัญชีคดีความค้างเก่าทั้งหลาย ที่จะต้องติดคุกรับใช้ความผิดที่ได้ทำไว้ ทั้งคดีที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 25 ปี ในคดีจ้างวานฆ่า นายประยูร สิทธิโชติ หรือ กำนันยูรด้วยเงิน 1.5 ล้านบาทที่คดีถึงที่สุดแล้วและคดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว จังหวัดชลบุรี ที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษา จำคุก 5 ปี 4 เดือน ซึ่งแม้กำนันเป๊าะจะยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นฎีกา แต่ได้หลบหนีไปไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2550 ศาลฎีกาจึงออกหมายจับ
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือ ตำรวจควรต้องสอบสวนต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมากำนันเป๊าะได้หลบเข้ามาที่ประเทศไทยแล้วกี่ครั้ง เพราะการจับกุมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่กำนันเป๊าะน่าจะเคยเดินทางเข้าออกประเทศไทยแล้วหลายครั้ง
และมีเหตุอันควรเชื่อว่า กำนันเป๊าะอาจพำนักอยู่ที่ประเทศไทยตลอดเวลาที่หลบหนีคุก
ตรงนี้ตำรวจควรสอบสวนขยายผลด้วยว่า มีใครมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นกับการเดินทางเข้าประเทศไทยของกำนันเป๊าะในครั้งนี้และที่ผ่านมาหรือไม่ โดยเฉพาะพวกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่ปล่อยให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยได้
เชื่อได้ว่า ต้องมีคนรู้เห็นกับเรื่องนี้หลายคนแน่นอน ไม่ใช่แค่ตำรวจอย่างเดียวเท่านั้น มันน่าจะมีคนรู้เห็นจำนวนมากในการช่วยเหลือด้านต่างๆ เช่น การปลอมแปลงเอกสาร หรือการให้ที่พักกับกำนันเป๊าะ เพราะดูแล้วคนส่วนใหญ่เชื่อว่ากำนันเป๊าะอยู่ในเมืองไทยหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักที่หาดบางแสน-ชลบุรีมานานแล้ว แต่เก็บตัวหรือซ่อนตัวอยู่ แต่สุดท้ายความมาแตก เลยต้องถูกจับตัว เตรียมไปใช้ชีวิตในบั้นปลายในคุกนับแต่ตอนนี้
ตำรวจก็ควรที่ต้องมีการสอบสวนขยายผลเพื่อเอาผิดฐานคนที่เกี่ยวข้อง ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้หลบหนีคดีตามหมายจับของศาล
ก็ต้องดูว่าตำรวจจะกล้าหรือไม่ ในการสอบสวนขยายผลไปถึงเบื้องหลังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หากมีใครเกี่ยวข้องไม่ว่าหน้าไหน ใหญ่แค่ไหน ก็ต้องสอบสวนเอาผิดให้หมด
ประมวลภาพคอมมานโดนำตัว 'กำนันเป๊าะ' เข้าเรือนจำ
ตำรวจคอมมานโด นำตัว "กำนันเป๊าะ" เข้าฝากขัง ที่ศาลอาญา รัชดาฯ แล้ว ขณะยืนยันการจับกุมตัว ผู้ต้องหาในครั้งนี้ ย้ำไม่มีการเมืองกดดัน และขณะจับกุมตัว ไม่มีการต่อสู้ขัดขืน...
วันที่ 30 ม.ค. ที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม คอมมานโด ถ.โชคชัย 4 พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ที่ได้จับกุม นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ" ผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออก ผู้ต้องหา คดีทจริตที่ดินเขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี และคดีเป็นผู้บงการฆ่า กำนันยูร เมื่อหลายปีก่อน ได้ที่บริเวณด่านเก็บเงินลาดกระบัง ถนนมอเตอร์เวย์ เขตลาดกระบัง กทม. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ภายหลังจากนายสมชายเดินทางเข้าไปรักษาตัวที่ รพ.สิมิติเวช ถนนศรีนครินทร์
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อธิป กล่าวว่า ยืนยันว่าการจับกุมนายสมชายในครั้งนี้ ไม่มีการเมืองกดดัน ถึงแม้บุตรชายของนายสมชายจะเป็นถึงรัฐมนตรี ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นบุคคลที่อยู่ในหมายจับศาลอาญาจริง และ จนท.ตำรวจ ได้ติดตามผู้ต้องหามาเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี และยืนยันว่าขณะจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ขัดขืน หรือต่อสู้แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทราบมาว่า ผู้ต้องหา มีการปลอมแปลงชื่อเข้ารักษาตัวใน รพ. ซึ่ง พ.ต.อ.อธิป กล่าวว่า เป็นข้อมูลในชั้นสืบสวน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวขอให้เล่าถึงขั้นตอนการจับกุมผู้ต้องหา เพราะทราบมาว่ามีประชาชนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จนทำให้สามารถจับกุมนายสมชายในครั้งนี้ได้ พ.ต.อ.อธิป ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด เพียงแต่ยิ้มให้
ขณะที่ในคำถามอื่นๆ อาทิ เหตุใด จนท.ตำรวจในพื้นที่ ถึงไม่จับกุมผู้ต้องหา แต่ต้องให้เป็นหน้าที่ของกองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.อธิป ได้กระทำในลักษณะเดียวกันคือ ไม่ขอตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด โดยกล่าวเพียงแต่ว่า หลังจากสอบสวนจำเลยแล้ว จะได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ภายในวันนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทราบมาว่า ผู้ต้องหา มีการปลอมแปลงชื่อเข้ารักษาตัวใน รพ. ซึ่ง พ.ต.อ.อธิป กล่าวว่า เป็นข้อมูลในชั้นสืบสวน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวขอให้เล่าถึงขั้นตอนการจับกุมผู้ต้องหา เพราะทราบมาว่ามีประชาชนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จนทำให้สามารถจับกุมนายสมชายในครั้งนี้ได้ พ.ต.อ.อธิป ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด เพียงแต่ยิ้มให้
ขณะที่ในคำถามอื่นๆ อาทิ เหตุใด จนท.ตำรวจในพื้นที่ ถึงไม่จับกุมผู้ต้องหา แต่ต้องให้เป็นหน้าที่ของกองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.อธิป ได้กระทำในลักษณะเดียวกันคือ ไม่ขอตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด โดยกล่าวเพียงแต่ว่า หลังจากสอบสวนจำเลยแล้ว จะได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ภายในวันนี้ต่อไป
ต่อมาเวลา 15.20 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้นำตัวนายสมชาย นั่งไปบนรถตู้โดยมีรถตำรวจกองปราบปรามนำ และมีรถกระบะหนึ่งคันปิดท้าย ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่ง พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มารอรับก่อนนำตัวนายสมชาย เข้าไปตรวจสุขภาพ
ทั้งนี้ โดยระหว่างการนำตัว นายสมชายเพื่อไปขึ้นรถนั้น ได้มีญาติของผู้ต้องหา ยืนร่ำไห้ อยู่ท่ามกลางกลุ่มสื่อมวลชน ที่เฝ้าติดตามข่าวเป็นจำนวนมาก และในขณะที่มีสื่อมวลชนพยายามที่จะถามนายสมชายว่า มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่ญาติของผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้แสดงท่าทีไม่พอใจ พร้อมกล่าวว่า "จะให้พูดอะไร และทำไมจะต้องพูด"
ด้านนายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้สั่งการให้แพทย์เตรียมความพร้อมตรวจสุขภาพตามที่ พ.ต.อ.สุชาติ ได้เน้นย้ำ เบื้องต้นในคืนแรกหากแพทย์ระบุว่า อาการป่วยไม่รุนแรงจะถูกคุมขังอยู่ในแดนแรกรับ โดยมีนักโทษเก่าคอยดูแล และหากสุขภาพไม่แข็งแรงก็จะถูกคุมขังในสถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด.
ทั้งนี้ โดยระหว่างการนำตัว นายสมชายเพื่อไปขึ้นรถนั้น ได้มีญาติของผู้ต้องหา ยืนร่ำไห้ อยู่ท่ามกลางกลุ่มสื่อมวลชน ที่เฝ้าติดตามข่าวเป็นจำนวนมาก และในขณะที่มีสื่อมวลชนพยายามที่จะถามนายสมชายว่า มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่ญาติของผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้แสดงท่าทีไม่พอใจ พร้อมกล่าวว่า "จะให้พูดอะไร และทำไมจะต้องพูด"
ด้านนายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้สั่งการให้แพทย์เตรียมความพร้อมตรวจสุขภาพตามที่ พ.ต.อ.สุชาติ ได้เน้นย้ำ เบื้องต้นในคืนแรกหากแพทย์ระบุว่า อาการป่วยไม่รุนแรงจะถูกคุมขังอยู่ในแดนแรกรับ โดยมีนักโทษเก่าคอยดูแล และหากสุขภาพไม่แข็งแรงก็จะถูกคุมขังในสถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด.